...การเปลี่ยนแปลงที่ แปรเปลี่ยนอย่างสวยงาม...
BAG..HAND
วันจันทร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2557
วันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2557
เปลี่ยนสีทันใจ!!!! โจ๋
กระเป๋าฟอกฝาด
รีวิวเพื่อให้เห็นการเฝดสีของกระเป๋าที่ใช้ยังไม่ถึง1เดือน
น่าตื่นเต้นจริงๆ!!!!!!!!
line:messnoon
วันอังคารที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2557
รีวิวสินค้าฟอกฝาด ของคุณ บอย..ค่ะ
กระเป๋า ฟอกฝาด วัวโปรแลนด์
ทำไมต้องโปรแลนด์..เพราะ สินค้า วัวฟอกฝาดโปรแลนด์มีความละเอียดสูงกว่า วัวไทยเกรด A สังเกตุ ตัวเนื้อกระเป๋าจะไม่มีลายแตกของผิวหนัง จึงมีราคาสูงกว่า เเละที่สำคัญ คุณภาพการใช้งานต่างกันค่ะ
วันจันทร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2557
การฟอกหนัง คือ อะไร
การฟอกหนัง ไม่ใช่การทำความสะอาดเพียงอย่างเดียว ในวงการฟอกหนังสัตว์
เพื่อนำมาทำเครื่องใช้ต่าง ๆ การฟอกหนังในความหมายนี้คือ การเปลี่ยนสภาพหนังดิบ ซึ่ง
เน่าเปื่อยได้ ให้เป็นหนังสำเร็จรูปที่คงตัวกว่า ไม่เน่าไม่เปื่อย มีความทนทานต่อสภาพ
อากาศและน้ำร้อน เพื่อนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์หนังต่างๆ กระบวนการฟอกหนังนั้น จำเป็นจะต้องมีการใช้สารเคมีต่าง ๆ มาเกี่ยวข้องเช่น โครเมียม , ฝาด
การฟอกหนัง มีกรรมวิธีการฟอกที่ใช้กันอยู่ 2 วิธี คือ
1 การฟอกโครม (Chrome Tanning)
การฟอกประเภทนี้เป็นที่นิยมกว่า เนื่องจากเป็นที่ต้องการของตลาด ใช้เวลาสั้น สารเคมีราคาถูก หนังที่ฟอกแล้วทนต่อความร้อนและความชื้นได้ดีกว่า การฟอกโครมเป็นการฟอกที่ทำในถังหมุน ซึ่งจะใส่สารเคมีจำพวกโครม (Chrome) ลงไป
สารนี้เป็นพวกเกลือของโครเมียม เช่น โครมิก (Chromic) เป็นตัวฟอก ซึ่งจะทำให้หนังมีสภาพเป็นไฟเบอร์ (Fibre) เมื่อนำไปตากแห้งแล้วจะแข็งมีสีเขียว โดยทั่วไปแล้วประมาณร้อยละ 70 ของโครเมียมที่เติมลงไปจะทำปฏิกิริยากับหนัง ที่เหลืออีก ร้อยละ 30 จะถูกปล่อยทิ้งไปกับน้ำเสีย
การตรึงโครมให้อยู่กับหนัง เพิ่มขึ้นได้ด้วยการปรับค่าความเป็นกรด-ด่าง (PH) ดังนั้นระหว่างการฟอกโครมจึงต้องมีการเติมแมกนีเซียมออกไซด์ลงไปทีละน้อยอย่างช้าๆ เพื่อได้ค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ คือ 4.5 หนังที่ผ่านการฟอกโครมแล้วเรียกว่า หนังเขียว (Wet Blue) ขั้นตอนต่อมาคือ การล้างด่าง (Neutralization)
2 การฟอกฝาด (Vegetable Tanning) การฟอกประเภทนี้จะนำสารสกัดประเภทแทนนินซึ่งสกัดได้จากเปลือกไม้พวกยูคาลิปตัส ควีบราโค และอื่นๆ มาเป็นตัวฟอก ทำได้ในถังไม้ปั่นหรือบ่อคอนกรีตที่ต่อแบบอนุกรม (เรียงๆ กันไป) ทั้งนี้น้ำที่ใช้ฟอกแล้วสามารถนำกลับมาใช้ได้อีก เพราะสารที่ใช้ฟอกนั้นเป็นสารธรรมชาติ
ขั้นตอนต่อมาคือ การล้างหนัง (Rinsing) โดยการใช้กรดออกซาลิกล้างฝาดออกจากหนัง เพื่อล้างฝาดส่วนเกิน ซึ่งจะมีผลต่อคุณภาพหนังอย่างมาก จากนั้นหนังที่ได้จากทั้ง 2 วิธีการฟอกจะถูกนำไปรีดน้ำ เพื่อทำให้แห้ง และมีการเจียนผิวด้วยเครื่องตัดแต่งและคัดเลือก เพื่อเก็บไว้รอจำหน่ายหรือแปรรูปตามความต้องการของตลาดต่อไป หนังที่ได้จากการฟอกฝาดนี้จะมีน้ำหนักมากกว่า โดยมากมักจะนำไปผลิตเป็นพื้นรองเท้า เข็มขัด แต่การฟอกฝาดจะมีต้นทุนการผลิตสูงกว่าการฟอกโครม
หนังฟอกเแบ่งตามลักษณะของหนัง คือ หนังทรงหรือหนังชั้นนอก (Upper Leather) เป็นวัตถุดิบในการผลิตรองเท้า เข็มขัด และเฟอร์นิเจอร์
หนังท้องหรือหนังชั้นใน (Side Leather) นำมาทำถุงมือและหนังซับในต่างๆ เช่น ซับในรองเท้า กระเป๋า เสื้อหนัง มีความอ่อนนุ่มกว่าหนังชั้นนอก
ส่วนการฟอกหนังแบบชาวบ้านๆ ข้อมูลจากหนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน ระบุว่า การฟอกหนังสัตว์ ให้รวบรวมหนังสัตว์หมักด้วยเกลือในอัตราส่วน 1 : 1 คือ ใช้หนังสัตว์ 1 ส่วน หมักเกลือ 1 ส่วน คลุกเคล้าให้ทั่ว หมักไว้ไม่เกิน 1 เดือน จากนั้นนำมาล้างน้ำให้สะอาด เตรียมฟอกย้อม ด้วยการใช้โซเดียมซัลไฟต์และปูนขาว เพื่อกำจัดขน ไขมัน และเศษเนื้อ หมักไว้ 1 สัปดาห์ นำมาล้างน้ำอีกครั้งจนสะอาด แล้วใช้โครเมียมออกไซด์ในรูปผง 20-25% ต้มในน้ำอุ่นที่อุณหภูมิ 66 องศาเซลเซียส พร้อมเติมสีตามความต้องการ นำขึ้นผึ่งลมให้แห้ง หรือนำเข้าเครื่องอบ จากนั้นนำออกตัดแต่งผืนหนังให้สวยงามตามต้องการ
เพื่อนำมาทำเครื่องใช้ต่าง ๆ การฟอกหนังในความหมายนี้คือ การเปลี่ยนสภาพหนังดิบ ซึ่ง
เน่าเปื่อยได้ ให้เป็นหนังสำเร็จรูปที่คงตัวกว่า ไม่เน่าไม่เปื่อย มีความทนทานต่อสภาพ
อากาศและน้ำร้อน เพื่อนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์หนังต่างๆ กระบวนการฟอกหนังนั้น จำเป็นจะต้องมีการใช้สารเคมีต่าง ๆ มาเกี่ยวข้องเช่น โครเมียม , ฝาด
การฟอกหนัง มีกรรมวิธีการฟอกที่ใช้กันอยู่ 2 วิธี คือ
1 การฟอกโครม (Chrome Tanning)
การฟอกประเภทนี้เป็นที่นิยมกว่า เนื่องจากเป็นที่ต้องการของตลาด ใช้เวลาสั้น สารเคมีราคาถูก หนังที่ฟอกแล้วทนต่อความร้อนและความชื้นได้ดีกว่า การฟอกโครมเป็นการฟอกที่ทำในถังหมุน ซึ่งจะใส่สารเคมีจำพวกโครม (Chrome) ลงไป
สารนี้เป็นพวกเกลือของโครเมียม เช่น โครมิก (Chromic) เป็นตัวฟอก ซึ่งจะทำให้หนังมีสภาพเป็นไฟเบอร์ (Fibre) เมื่อนำไปตากแห้งแล้วจะแข็งมีสีเขียว โดยทั่วไปแล้วประมาณร้อยละ 70 ของโครเมียมที่เติมลงไปจะทำปฏิกิริยากับหนัง ที่เหลืออีก ร้อยละ 30 จะถูกปล่อยทิ้งไปกับน้ำเสีย
การตรึงโครมให้อยู่กับหนัง เพิ่มขึ้นได้ด้วยการปรับค่าความเป็นกรด-ด่าง (PH) ดังนั้นระหว่างการฟอกโครมจึงต้องมีการเติมแมกนีเซียมออกไซด์ลงไปทีละน้อยอย่างช้าๆ เพื่อได้ค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ คือ 4.5 หนังที่ผ่านการฟอกโครมแล้วเรียกว่า หนังเขียว (Wet Blue) ขั้นตอนต่อมาคือ การล้างด่าง (Neutralization)
2 การฟอกฝาด (Vegetable Tanning) การฟอกประเภทนี้จะนำสารสกัดประเภทแทนนินซึ่งสกัดได้จากเปลือกไม้พวกยูคาลิปตัส ควีบราโค และอื่นๆ มาเป็นตัวฟอก ทำได้ในถังไม้ปั่นหรือบ่อคอนกรีตที่ต่อแบบอนุกรม (เรียงๆ กันไป) ทั้งนี้น้ำที่ใช้ฟอกแล้วสามารถนำกลับมาใช้ได้อีก เพราะสารที่ใช้ฟอกนั้นเป็นสารธรรมชาติ
ขั้นตอนต่อมาคือ การล้างหนัง (Rinsing) โดยการใช้กรดออกซาลิกล้างฝาดออกจากหนัง เพื่อล้างฝาดส่วนเกิน ซึ่งจะมีผลต่อคุณภาพหนังอย่างมาก จากนั้นหนังที่ได้จากทั้ง 2 วิธีการฟอกจะถูกนำไปรีดน้ำ เพื่อทำให้แห้ง และมีการเจียนผิวด้วยเครื่องตัดแต่งและคัดเลือก เพื่อเก็บไว้รอจำหน่ายหรือแปรรูปตามความต้องการของตลาดต่อไป หนังที่ได้จากการฟอกฝาดนี้จะมีน้ำหนักมากกว่า โดยมากมักจะนำไปผลิตเป็นพื้นรองเท้า เข็มขัด แต่การฟอกฝาดจะมีต้นทุนการผลิตสูงกว่าการฟอกโครม
หนังฟอกเแบ่งตามลักษณะของหนัง คือ หนังทรงหรือหนังชั้นนอก (Upper Leather) เป็นวัตถุดิบในการผลิตรองเท้า เข็มขัด และเฟอร์นิเจอร์
หนังท้องหรือหนังชั้นใน (Side Leather) นำมาทำถุงมือและหนังซับในต่างๆ เช่น ซับในรองเท้า กระเป๋า เสื้อหนัง มีความอ่อนนุ่มกว่าหนังชั้นนอก
ส่วนการฟอกหนังแบบชาวบ้านๆ ข้อมูลจากหนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน ระบุว่า การฟอกหนังสัตว์ ให้รวบรวมหนังสัตว์หมักด้วยเกลือในอัตราส่วน 1 : 1 คือ ใช้หนังสัตว์ 1 ส่วน หมักเกลือ 1 ส่วน คลุกเคล้าให้ทั่ว หมักไว้ไม่เกิน 1 เดือน จากนั้นนำมาล้างน้ำให้สะอาด เตรียมฟอกย้อม ด้วยการใช้โซเดียมซัลไฟต์และปูนขาว เพื่อกำจัดขน ไขมัน และเศษเนื้อ หมักไว้ 1 สัปดาห์ นำมาล้างน้ำอีกครั้งจนสะอาด แล้วใช้โครเมียมออกไซด์ในรูปผง 20-25% ต้มในน้ำอุ่นที่อุณหภูมิ 66 องศาเซลเซียส พร้อมเติมสีตามความต้องการ นำขึ้นผึ่งลมให้แห้ง หรือนำเข้าเครื่องอบ จากนั้นนำออกตัดแต่งผืนหนังให้สวยงามตามต้องการ
ประวัติความเป็นมา
ประวัติความเป็นมาอันยาวนาน ของกระเป๋าในยุคปัจจุบัน
รูปแบบ กระเป๋าแฟชั่น มีประวัติ มีที่มาไม่ธรรมดาเลยนะคะ เริ่มแรกเดิมที เกิดจากการนำเอาหนังสัตว์ ผ้า ที่เป็นวัตถุดิบที่หาได้ในยุคนั้น ซึ่งมีความคงทน เหนียว ทนทานต่อการใช้งาน มาประดิษฐ์ ประกอบเป็นรูปร่างกระเป๋า ซึ่งมีลักษณะคล้ายถุง มีทั้งถุงหนัง และถุงผ้า
แรกเริ่มเดิมที ไม่ได้มีการประดับประดา ตกแต่งมากนักคะ เป็นสภาพดิบๆ เพียวๆเลย เพราะทำมาเพื่อการใช้งานนั่นเอง
คนที่คิดแรกๆไม่ใช่ใครคะ ก็ต้องเป็นผู้ชายนั่นเอง
ตามประวัติแรกเริ่มเกิดขึ้นในหมู่พระสงฆ์ ในทวีปแอฟริกา ที่เริ่มประดิษฐ์ถุงหนังเอาไว้เก็บพระเครื่อง เครืองรางทั้งหลาย
ต่อมาเมื่อมีการแพร่หลายในหมู่ผู้หญิง จึงเริ่มเกิดคำว่าแฟชั่นตามมา
ซึ่งแฟชั่นก็มีหลายยุคคะ ตั้งแต่ยุคอียิปต์ ยุคอลิซาเบธ ยุควิกตอเรียน ศตวรรษที่ 19
จะขอกล่าวถึงช่วงเวลาในยุค victorian ใน ค.ศ.19 นะคะ
ยุคนี้เป็นสไตล์ที่คนไทย เรารู้จักกันดี ที่มักจะเรียกติดปากว่า สไตล์วินเทจ สไตล์วิกตอเรียน
ที่จะแต่งลูกไม้ระบายฟูฟ่อง เน้นความหรูหรา อ่อนหวาน
ผู้ชาย และผู้หญิงในยุคนี้นั้น ตั้งแต่ชนชั้นสูงไปจนถึงชนชั้นกลาง การแต่งกาย มารยาท จะบ่งบอกถึงรสนิยม ที่มาที่ไปของแต่ละตระกูล
กระเป๋าที่นิยมในยุคนี้นั้น จะเน้นให้ออกมาสไตล์เดียวกับเสื้อผ้า ก็คือ ต้องมีดอกไม้เป็นส่วนประกอบ
มีประดับตกแต่งด้วยลูกปัดอัญมณี ทั้งงานผ้า และงานหนัง ขนาดจะไม่ใหญ่มากนัก
ขอให้ออกมาดูดี มีสไตล์ไว้ก่อน
ที่เป็นกระเป๋าใบเล็ก ไม่ใหญ่มากนัก ก็เพราะ แค่ชุดก็แทบจะต้องแบก ต้องลากกันไปพอสมควร
ดังนั้นจะต้องแบกใบใหญ่ไปด้วย ก็คงจะดูไม่ค่อยเหมาะซักเท่าไหร่ จริงมั๊ยคะ
ส่วนชุดที่สตรียุคนี้ใส่ ด้านบนจะรัดในแน่น โดยเฉพาะพุง จะไม่มีทางได้เห็นว่ายื่นออกมาเลย อิอิ..
ดูเหมือนเสตย์รัดในสมัยนี้เลยนะคะ ถึงจะอึดอัด แต่ก็มีข้อดีตรงที่ว่า ทำให้กล้ามเนื้อหน้าท้องไม่หย่อนคล้อย
ส่วนกระโปรง ก็ต้องบานออก คล้ายๆสุ่ม แต่ไม่เป็นสุ่มเยอะแยะมากมาย เหมือนสมัยอลิซาเบธ เพราะการแต่งกายเริ่มเปลี่ยนแปลง จากสุ่มบานๆ ก็ตอนที่เกิดสงครามฝรั่งเศส และลามไปทั่วยุโรป อังกฤษ อเมริกา
ตอนนั้นก็ลดขนาดสุ่มลง เหลือแค่พอมี ก็เพื่อความคล่องตัวนั่นเองคะ เพราะในยุคข้าวยากหมากแพง หากจะต้องเสียเวลาแต่งชุด ใช้เวลาในการเดินทางยาว
เพราะในสมัยนี้ ทั้งผู้ชาย และผู้หญิง จะต้องเข้าสังคมมากขึ้น
เป็นยุคเปิดประเทศ เฟื่องฟู หลังจากผ่านช่วงสงครามที่ผ่านมา
จะเห็นได้ว่า แฟชั่นในยุคนี้นั้น ยังคงเติบโตมาจนถึงปัจจุบัน ที่เหล่าดีไซน์เนอร์น้อยใหญ่ ได้นำมาเป็นแบบร่างสำหรับคอลเลคชั่นของตนเอง
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)



















